top of page

Yoga กับ Freedive ; เพราะเรานั้นคู่กัน


เราคงเคยได้ยินมาเสมอ ว่าการฝึกโยคะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับทุกคนครับ หลายคนอาจเคยลองมาแล้ว และก็รู้ว่ามันทำให้เรารู้สึกดีขึ้นจริงๆ การฝึกโยคะอย่างสม่ำเสมอให้ประโยชน์ทางด้านสุขภาพกายและจิตแทบทุกอย่าง สิ่งที่คนที่ฝึกโยคะมาจะรู้สึกได้ว่ามีผลอย่างมากเมื่อมาเรียน Freediving คือ จิตใจที่สงบ และการผ่อนคลายความเครียด นอกจากนี้โยคะทำให้ร่างกายของ Freediver มีความยืดหนุ่นกล้ามเนื้อโคนขาทางด้านหลัง (hamstrings) ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญมากในการออกแรงใช้ฟินของเราเวลาเคลื่อนไหวอยู่ในน้ำ สำหรับการดำน้ำในหน้าหนาว หรืออุณหภูมิของน้ำค่อนข้างเย็น การฝึกโยคะที่ถูกต้อง จะช่วยลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ (muscle tone) ทำให้ลดโอกาสการเกิดตะคริวอีกด้วย

เราทราบกันดีว่าการดำน้ำแบบ Freedive เป็นการเปลี่ยนรูปแบบการหายใจแบบปรกติบนบกที่ ส่วนใหญ่จะหายใจตื้นๆเรื่อยๆ การฝึกหายใจของโยคะที่เรียกว่า 'ปราณยามะ' ซึ่งจะมุ่งความสนใจไปที่การหายใจและสอนว่าเราจะหายใจให้ลึกขึ้นอย่างถูกต้องได้อย่างไร ซึ่งเป็นประโยชน์กับการหายใจแบบ Freediver ของเรามากครับ การหายใจทั้งสองลักษณะนี้ยังช่วยให้ทางเดินหายใจโล่ง ทำให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ซึ่งมีประโยชน์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ

สำหรับ Freediver สิ่งที่สำคัญมากในการทำเราสามรถกลั้นหายใจได้นานคือการทำให้จิตใจสงบครับ การฝึกโยคะและ Freedive เหมือนกันมาก เพราะการฝึกทั้ง 2แบบจะมุ่งความสนใจหลักๆ ไปยังสิ่งที่ร่างกายกำลังทำอยู่ มีผลให้จิตใจของเราสงบลง ทั้งโยคะและฟรีไดฟ์ยังช่วยให้เราได้รู้จักกับเทคนิคการทำสมาธิ เช่น จะทำอย่างไรให้จดจ่ออยู่กับลมหายใจโดยเป็นอิสระจากความคิดอื่นๆ

โยคะเสมือนเป็นการฝึกเพื่อสร้างจุดพักพิงและเป็นไปการชาร์จแบตเตอรี่ในร่างกายครับ โยคะยังเป็นการสร้างความมั่นใจที่ให้ผลเชิงบวกของการฝึก Freedive มากๆ

เป็นเรื่องไม่แปลก ที่คนที่อยากเรียน Freediving ส่วนใหญ่จะถูกดึงดูดหรือกระตุ้นโดยรูปแบบของการแข่งขัน การทำสถิติ และบางครั้งอาจจะถูกผลักดันให้ฝึกไปถึงขีดจำกัดของร่างกาย ซึ่งเอาเข้าจริง การดำน้ำเป็นเรื่องของตัวเราเองมากกว่า แน่นอน ควรทำให้ได้ถึงมาตราฐานที่กำหนดเบื้องต้น แล้วค่อยๆฝึกต่อไปก็จะเก่งขึ้นเอง ไม่จำเป็นต้องเอาชนะใคร เอาชนะตัวเองนี่แหละ เป็นที่พักพึงให้ตัวเองแบบแนวคิดและการฝึกโยคะ ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ

โยคะและ Freediving ทั้งสองอย่างเกี่ยวข้องกับการทำสมาธิและความสมดุลภายในที่ดี เป็นกุญแจสำคัญในการร่วมกันของตัวเองจากภายใน จริงๆแล้วจิตใจของคนส่วนใหญ่มักไม่เป็นระเบียบนะครับ Freediver ทั่วไปคิดว่ายิ่งเราฝึกฝนมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งได้รับความเก่งมากขึ้นเท่านั้น ผมคิดว่า สติปัญญา การอ่านเยอะ การเรียนเยอะ บางครั้ง ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องต่างๆของการเรียน Freediving จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บหู ความลึก และอื่นๆ

ต้นเหตุของปัญหาส่วนใหญ่แก้ไขได้ หากนักดำน้ำหยุดคิดเกี่ยวกับการดำน้ำ ทุกอย่างจะราบรื่นครับ ร่างกายของเรามีความสามารถในการปลดปล่อยอยู่แล้ว เราเพียงแค่ต้องยอมรับมันและหยุดคิดถึงมัน เราต้องผ่อนคลายและปล่อยให้ร่างกายทำสิ่งนั้น สื่อสารกับร่างกายของคุณ เชื่อในลมหายใจ เสียงหัวใจ และอย่าพยายามจัดการร่างกายมากนัก อย่าไปกังวลเรื่องทฤษฏีโน่นนี่นั่นเยอะแยะระหว่างการดำน้ำ

ตามปกติแล้วผมจะแนะนำให้นักเรียนหลับตาให้สนิทระหว่างการฝึกหายใจ อยากให้ฟังร่างกายของเราและปิดกั้นความรู้สึกทั้งหมดยกเว้นความรู้สึกที่หก ซึ่งก็คือจิตใจของเราเอง เพราะจิตใจเราเองเป็นเป็นสิ่งเดียวที่เรากำหนดได้ ลืมได้ สั่งได้

สำหรับการดำน้ำแบบ Freedive ที่ระดับความลึกมากขึ้นเกิน 15-20เมตรขึ้นไป เมื่อพบปัญหา ลองใจเย็นๆ กลับขึ้นไป 2-3เมตรเพื่อหยุดและผ่อนคลาย ให้ลองคิดดูเหตุผลว่าทำไมถึงมีปัญหาล่ะ? และพอพร้อมลงลึกอีกครั้ง ให้ลองหยุด ผ่อนคลายก่อนลง หลังจากนั้นหยุดผ่อนคลายอีกครั้ง และลึกลงไปอีกทีละ 2-5 เมตร ไม่ต้องรีบทำสถิติส่วนตัว หรือรีบลงเพราะกลัวจะสอบไม่ผ่านนะครับ ทำแบบนี้ดูแล้วเราจะคุ้นเคยกับความรู้สึกใหม่ที่เป็นสเน่ห์ที่เราจะหลงทะเลไปอีกนานครับ

สรุปแล้ว ทั้ง Freediving และ โยคะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการหาสมดุลระหว่าง กล้ามเนื้อ และ จิตใจ ซึ่งการฝึกทั้งโยคะและการทำสมาธิสามารถช่วยได้อย่างมากครับ โยคะและ Freediving สามารถเพิ่มความเชื่อมั่นในตนเอง ทำให้เราตระหนักรู้ถึงร่างกายของตนเองมากขึ้น ระหว่างฝึกเราจะเรียนรู้ที่จะเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย เพื่อปรับท่าทางของเราให้ดีขึ้น ทำให้เรารู้จักร่างกายของเราดีขึ้น เราจะเรียนรู้ที่จะยอมรับร่างกายของเราอย่างที่เป็นโดยไม่ไปคิดไปเอง ไม่ดูถูกร่างกายตัวเองว่า เอ๊.. เราจะทำได้มั้ยน้อ..

และเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่ได้จากการเรียน Freediving หรือโยคะ จะทำให้เรารู้สึกมีความสุขกับร่างกายของเรามากขึ้น

เพราะเราจะมีความมั่นใจ..เพิ่มขึ้นครับ..

The Author is PADI Master Freediver Instructor

about him

A non-political traveler, a long-standing certified dive instructor, a pilot-in -training, an underwater photographer and most importantly a man who is still learning with himself on his own pace with growing number of deep sea interests.

bottom of page