top of page

“เงือกสาวแห่งเชจู” เรื่องของ Free Diving ที่หลายคนไม่รู้


สำหรับแฟนซีรีย์เกาหลีคงจำฉากบ้านโบราณสไตล์ต่างๆที่เป็นฉากหลักชองหนังย้อนยุค เช่น แด จัง กึม (Dae Jung Geum) หรือ เกาะรักอลเวง (Tamra the Island) ซึ่งคนไทยเราหลายคนติดกันงอมแงมได้นะครับ จริงๆแล้วเกาะเชจู (Jeju Island) เพิ่งมาบูมในเกาหลีในไม่ถึง 3-40 ปีที่ผ่านมานี่เอง เมื่อรัฐบาลเกาหลีสมัยนั้นโปรโมทเกาะธรรมชาติไกลปืนเที่ยงแห่งนี้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่สำหรับคู่รักและคู่แต่งงาน ได้ผลครับ หนุ่มสาวเกาหลียุคนั้นรวมถึงชาวต่างชาติจดจำเกาะแห่งนี้ในฐานะเกาะโรแมนติก กลายเป็นจุดหมายที่หลายคนอยากมาฮันนิมูน

หลายร้อยปีก่อน เกาะนี้ไม่ได้มีรายได้อะไรมากมายนอกจากการทำการค้าขายเล็กๆน้อยกับจีน อาชีพหนึ่งที่บูมมากสมัยนั้นคือ การดำน้ำเก็บสัตว์ทะเลขึ้นมาขาย เริ่มจากเลี้ยงครอบครัวและค้าขายและเปลี่ยนกันเองภายในเกาะ หลักๆก็พวกปลาทะเลที่ตัวซ่อนหลบกระแสตามโขดหิน ปลาหมึกยักษ์ หอยเป๋าฮื้อ หอยสังข์ หอยมุก ทำไปทำมา ปรากฏว่าไม่เลวแฮะ นักดำน้ำเก็บของขายแบบนี้ยุคหนึ่งจึงมีจำนวนเพิ่มขึ้นสูงถึง 7-80,000คน ! เรียกว่าทำกันเป็นล่ำเป็นสัน ด้วยความสมบูรณ์ของท้องทะเลที่เกาะเชจู สัตว์ทะเลและของที่เก็บขึ้นมาจึงสามารถขายส่งออกไปจีนและญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว

ที่น่าสนใจคือ นักดำน้ำแนวนี้ทั้งหมด เป็น ผู้หญิงครับ คนเกาหลีเรียกนักดำน้ำหญิงปอดเหล็กกลุ่มนี้ว่า เฮียนโย (Haenyeo) เรื่องเล่าของอาชีพมหัศจรรย์นี้มีมานับร้อยปี โดยพวกเธอจะดำน้ำลงไปตัวเปล่าใต้ทะเล ไม่มีถังอากาศหรืออุปกรณ์อะไรพิเศษมาช่วยเลย ใช้เวลาอยู่ในน้ำทะเลเพื่อดำน้ำกันวันนึงหลายชั่วโมง ต่อสู้กับคลื่นลมที่รุนแรง อากาศและอุณหภูมิของน้ำที่หนาวเหน็บ สมัยก่อนยังไม่มี wetsuit เธอก็ดำตัวเปล่าแบบนั้นแหละ ขึ้นจากน้ำมายังต้องทำกับข้าว เลี้ยงลูก(และสามี) เพราะผู้ชายสมัยนั้นไปทำสงครามกันหมด หรือไม่ก็ต้องออกเรือประมงหาปลา อาชีพนี้ทำไปทำมาเลยกลายเป็นของสงวนสำหรับผู้หญิงซะงั้น

เรื่องราวของเงือกสาวแห่งท้องทะเลเกาหลี ผู้คนมักเล่ากันในมุมของวัฒนธรรม ความแปลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจุดขายของเกาะ (Heritage) มุมหนึ่งของอาชีพดำน้ำแนวนี้ที่คนมักไม่ทราบคือ ปัจจุบันเงือกสาวเฮียนโยมีเหลือไม่กี่ร้อยคนแล้ว และเกือบทั้งหมดจะเป็นสาว(ใหญ่)อายุเลย 60ปีขึ้นไปทั้งนั้น (ทราบว่าเด็กสาวสุดมีอายุถึง 80ปี) ส่วนหนึ่งคือนโยบายของรัฐบาลเกาหลีในยุค 1980 ที่ส่งเสริมการปลูกส้มและสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก ซึ่งก็ได้ผล คนหันมาทำงานในไร่ส้มกันเยอะ ไม่ต้องมาเหนื่อยดำน้ำ แต่เรื่องเศร้าที่คนเกาหลีไม่ค่อยพูด คือ จำนวนที่ลดลงของเงือกสาวเฮียนโย เนื่องจากการเสียชีวิต และผลกระทบหลายด้านจากการดำน้ำแบบนี้ครับ

การดำน้ำแบบที่เรียกว่า Free Diving เป็นการดำน้ำที่ทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณเท่าที่ประวัติศาสตร์ของมนุษย์จะบันทึกได้ ที่เกาะเชจูน้ำค่อนข้างเย็นจัด สมัยก่อนไม่มีชุดดำน้ำที่เหมาะสม ผู้หญิงโดยทั่วไปมีเปอร์เซ็นปริมาณมวลไขมันสะสมในร่างกายสูงกว่าผู้ชาย จึงเชื่อกันว่าทำให้สามารถทนหนาว ถึก การดำน้ำในเชจูเลยถูกเหมาให้กลายเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับผู้หญิงไปซะงั้น ซึ่งไม่จริงเสมอไปนะครับ เนื่องจากสรีระหรือ physiology ของผู้หญิงแตกต่างกับผู้ชายหลายด้านทั้งในแง่ความอึด ความอดทน และเมื่อมาถึงยุคที่มีชุด wetsuit (ซึ่งต้องใช้ที่หนาหน่อย) เงือกสาวเฮียนโยก็ต้องถ่วงตะกั่วให้หนักขึ้นเพื่อทดแทนอัตราการจมลอยของชุด (โดยทั่วไปการใส่ wetsuit จะทำให้ตัวลอย ยิ่งใส่หนา ยิ่งลอยง่ายขึ้น) เมื่อใส่ตะกั่วหนักขึ้นก็ทำให้ดำน้ำลงไปได้ง่ายขึ้น ถึงระดับความลึกได้เร็วขึ้น ประเด็นคือ เวลาว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำก็จะทำให้เหนื่อยขึ้น การลอยตัวอยู่บนผิวน้ำเพื่อพักหายใจ และดำลงไปทำงานต่ออีกครั้ง จึงได้ยากขึ้นมาก (เพราะมันหนัก)

สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่เงือกสาวเฮียนโยดำลงไปเก็บก็แตกต่างกันไปครับ ที่สำคัญ อยู่ที่ระดับความลึกที่แตกต่างกัน ทราบมาว่าเค้าดำกันตั้งแต่ 10 – 30เมตร! ดำตัวเปล่าไม่มีถังอากาศแบบนี้เสี่ยงมาก ตั้งแต่การทำ hyperventilation บนผิวน้ำเพื่อลดปริมาณ CO2 และเพิ่มปริมาณ O2ในร่างกาย ( หายใจเข้าสั้น ลึก ไม่กี่ครั้ง ในเวลาไม่กี่วินาที คล้ายๆกับการหลอกสมองตัวเองว่ามีอ๊อกซิเจนเหลือในตัวเยอะ) ทำให้เกิดอาการน๊อกน้ำเงียบ (shallow water blackout) หลับไปเลยในน้ำ หรือหลังจากขึ้นจากน้ำไปก็หลายคน และยิ่งดำลึกก็มีความเสี่ยงกับเรื่องเมาไนโตรเจนอีก เหตการณ์นี้เกิดบ่อยกับเมื่อดำน้ำลึกเกิน 20เมตรโดนไม่มีถังอากาศ (ถ้ามีถังอากาศจะดำได้ประมาณ 30เมตรก่อนเกิดอาการ เบลอ เนื่องจากไนโตรเจนในร่างกายเริ่มเป็นพิษ)

เหตผลเหล่านี้ทำให้เงือกสาวหลับใต้น้ำไม่รู้ตัว บางทีดำอยู่แล้วเพื่อนสาวที่ดำด้วยก็หาตัวไม่เจอ เพราะต่างคนต่างต้องทำงาน อันตรายจากอาชีพนี่นี้ยังเกิดจากถูกสัตว์ทะเลกัดหรือต่อย ฉลามทำร้าย (ใครๆก็ทราบว่าเกาะนี้ฉลามชุกชุมขนาดไหน) เหนื่อย หัวใจวาย (stroke) ซึ่งเกิดจากเส้นเลือดขอดหดตัวอย่างฉับพลัน (cerebrovascular-aneurysm) ที่เกิดจากการดำน้ำบ่อยและถี่จนเกินไป ทำให้มีอาการปวดหัวเรื้อรัง หมู่เงือกสาวเฮียนโยในอดีตไม่ได้รับการฝึกฝนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวด้านศาสตร์ของการดำน้ำแบบ Free Diving พอมีอาการแบบนี้ก็เลือกรักษาและป้องกันอาการตัวเองแบบบ้านๆโดยรับประทานสาหร่ายทะเลสมุนไพรที่หาได้ในท้องถิ่นที่ชื่อว่า ซัมเบกิ (sumbegi) เพื่อรักษาป้องกันอาการกันไป

และเมื่อเงือกสาวเฮียนโยคนใดมีอันต้องเสียชีวิตจากการดำน้ำ ด้วยความเชื่อของชาววัฒนธรรมเอเชียตะวันออก เรื่องการยอมรับและเคารพ ( respect and honor) โดยเฉพาะความอนุรักษ์นิยมสุดโต่งแบบชาวเกาหลี เรื่องราวจึงถูกเก็บเงียบไว้ในกลุ่มเป็นแค่เพียงเครื่องเตือนใจให้ระวังตัวเองมากขึ้นในการดำน้ำครั้งต่อไป

การดำน้ำแบบ Free Diving อาจแลดูสนุก ไม่ต้องใส่อุปกรณ์อะไรมากมาย ถ่ายภาพสวยงาม โพสต์ลีลาได้ตามอารมณ์ ทั้งหมดนี้เกิดจากการฝึกฝนนะครับ การดำน้ำตัวเปล่าลงไปให้ถึงระดับความลึก 10-20 เมตร 2-3ครั้งติดต่อกัน ด้วยเวลาจำกัด และให้พักบนผิวน้ำโดยอาจจะไม่มีอะไรเกาะ ต้องให้หายใจหรือพักได้แค่ 1-2นาที ไม่ว่าจะด้วยความจำเป็นของเงือกสาวเฮียนโยที่ต้องรีบลงไปจับสัตว์น้ำที่เพิ่งมองเห็น ลงไปนั่งงัดหอยมุกที่เจอตะกี๊ หรือไล่แทงปลาหมึกยักษ์ที่กำลังว่ายหนีไปลิบๆ เมื่อเทียบรูปแบบกับนักดำน้ำ Free Diver ตามมาตราฐานของสถาบันดำน้ำไหนก็ตาม โดยบริบทแล้ว ไม่ได้ต่างกันเลย

เดี๋ยวนี้ทางเกาะเชจูมีเปิดให้นักท่องเที่ยวลองประสบการณ์ดำน้ำแบบนี้กับสาวเฮียนโยแล้ว ใครสนใจ ไปลองได้ ไม่ยากครับ การดำน้ำแบบ Free Diving ไม่จำเป็นต้องลงไปดูปะการังอย่างเดียว มีอะไรติดมือกลับมารับประทานแบบเงือกสาวเฮียนโยก็ได้ ไม่ผิดกติกาครับ

LINE @seamastermind #japandivepass

ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวเชจู, NAUI Korea, The Jeju Weekly, และข้อมูลบางส่วนจาก Japan’s Ama Divers


about him

A non-political traveler, a long-standing certified dive instructor, a pilot-in -training, an underwater photographer and most importantly a man who is still learning with himself on his own pace with growing number of deep sea interests.

bottom of page