ดำน้ำกับแฟน vs เป็นแฟนกันตอนดำน้ำ.. แบบไหนน่าไปรอด ?
คนเป็นแฟนกัน ยิ่งเป็นแฟนกันใหม่ๆ ยิ่งต้องพยามทำความรู้จักกันและกัน มีแฟนต้องเหมือนมีเพื่อน แต่เพื่อนไม่มีทางเหมือนแฟน เพราะตั๊กแตน ชลดาเคยร้องเอาไว้ว่า “ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้” แต่ถ้ามีแฟนแล้วไม่สนิทใจกัน แนะนำให้หาแฟนคนใหม่(...อ้าว...)
ก็ชื่อมันก็บอกอยู่ว่าเป็นแฟน เป็นแฟนคือสนิทมากกว่าเพื่อน แต่ยังไม่ใช่ผัวใช่เมีย เข้าใจตรงกันนะ เพราะงั้น ถ้าไม่คลิก เปลี่ยนได้ ไม่ผิด การมีกิจกรรมร่วมกัน ใช้เวลาด้วยกันมากๆเพื่อศึกษานิสัยใจคอ ปูทางสู่ความสัมพันธ์ที่จริงจังระดับเป็นคู่ชีวิตมันเลยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับแฟนทุกคู่
ที่นี้ ไอ้กิจกรรมที่ว่าเนี่ย จะทำอะไร ?
อย่า...อย่าคิดลงต่ำ อย่าคิดลึก เป็นแฟนกันจะทำกิจกรรมอะไร แนะนำให้คิดอย่างสร้างสรรค์
ย้ำอีกครั้งว่ากิจกรรมสร้างสรรค์นะ นี่ไม่ใช่บทความติดเรต ไอ้ที่คิดเอาไว้ในใจอะ เอาไว้พูดกับแฟนสองคนพอ ไม่ต้องบอก เราเข้าใจ
เอาล่ะ กลับมาที่กิจกรรมกระชับสายสัมพันธ์ คือผู้หญิงผู้ชายเนี่ยนะ บางทีกิจกรรมที่สนใจมันก็คนละเรื่องเดียวกัน ครั้นผู้ชายจะชวนฝ่ายหญิงไปเตะบอล หรือผู้หญิงจะชวนผู้ชายไปเต้นซุมบ้า อีกฝ่ายอาจจะไม่ค่อยอินเท่าไร คงต้องหากิจกรรมที่เป็นกลางทางเพศกันนิดนึง ได้ออกกำลังกาย ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ได้เที่ยวด้วยกัน ขอบอกว่าดำน้ำเนี่ย ตอบทุกโจทย์ของคู่รัก แต่ความผีของกิจกรรมดำน้ำเนี่ยก็คือ เกินครึ่งของคู่รักที่ควงแขนกันมาเรียนดำน้ำ ความสัมพันธ์มักจะไม่รอด
ไหงงั้นล่ะ เขาว่าไปเสม็ดยังเสร็จทุกราย ไปทะเล โรแมนติกจะตาย ทำไมรักจึงล่ม เขาบอกว่า Sea of Love ยิ่งต้องทำให้คนรักกันมากขึ้น
จะมาเล่าเรื่องของเพื่อนนักดำน้ำคนหนึ่งให้ฟัง เพื่อนสาวคนนี้สมมตินามว่าหวานใจละกัน หวานใจกับแฟนมาเรียนดำน้ำด้วยกัน ด้วยความเป็นคนสายเอ็กซตรีมและชอบเที่ยวทั้งคู่ ตอนแรกๆก็ดูเหมือนดำน้ำจะเป็นกิจกรรมที่ทำให้หวานใจกับแฟนได้ใช้เวลาด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน แต่ดำน้ำด้วยกันไม่ถึงปี หวานใจก็เลิกกับแฟน เพราะฝ่ายชายกลับไปหาคนรักเก่าที่เขาปักใจ และเพราะหวานใจกับแฟนเลิกกัน ไม่ใช่แค่คนสองคนที่ตัดขาดกัน แต่กลายเป็นเพื่อนร่วมทริปที่ไปดำน้ำด้วยกันหลายคนก็แตกคอกันไปด้วย เพราะนั่นก็เพื่อนฉัน นี่ก็เพื่อนเธอ ต่างคนต่างเข้าข้างเพื่อนตัวเองกันไป
ยามรัก น้ำต้มผักก็ว่าหวาน พอยามยืด จืดกร่อยทั้งอ้อยตาล โบราณเขาว่างั้น...
หวานใจเองบอกว่า เพราะมาดำน้ำด้วยกันนี่ล่ะ ทำให้เห็นนิสัยของอีกคนมากขึ้น เขาคงรู้แล้วว่าหวานใจไม่ใช่คนที่เขารักจริงๆ ส่วนหวานใจเองก็เพิ่งตระหนักกับตัวเองได้เหมือนกันว่าก่อนหน้านั้น ความสัมพันธ์ที่ผ่านมา หวานใจเป็นเหมือนคนที่ทุ่มเทให้กับความสัมพันธ์เพียงฝ่ายเดียว ทำอะไรเพื่อคนรักจนลืมมองว่าเขาไม่ได้รักเรามากเท่าที่เรารักเขา ลืมอีกอย่างคือลืมว่ามีคนรอบๆข้างอย่างครอบครัวและเพื่อนฝูงที่รักหวานใจมากกว่าผู้ชายคนนั้นอีกมากมาย ไปๆมาๆเหมือนตัวเองถูกหลอก นี่ก็เพิ่งรู้ตัวทีหลัง หวานใจบอกว่า “พอหายเศร้าแล้ว โกรธ Ship – Hai เลยค่ะ เสียเวลาโง่ให้มันมาตั้งนาน”
หลังจากเลิกรากับอดีตแฟนที่เห็นแก่ตัวสุดๆคนนั้น หวานใจก็ใช้การดำน้ำนี่ล่ะเยียวยาตัวเอง อยู่กับตัวเองมากขึ้น อยู่กับเพื่อนๆที่รักเธอมากขึ้น ใช้ทะเลบำบัดจิตใจให้หายเศร้า ทุกวันนี้ หวานใจก็ยังคงรักโลกใต้ทะเลเป็นชีวิตจิตใจ และออกทริปบ่อยเท่าที่ทำได้ หวานใจบอกว่าขอบคุณโชคชะตาที่พาคนไม่ดีออกไปจากชีวิต แล้วพัดพาคนดีๆเข้ามาแทนที่
มันน่าแปลกใจที่คนโสดหลายคนมาพบเจอคู่รักกันกลางทะเล พอๆกับคู่รักที่มารู้ใจตัวเองกันจริงๆและรู้ตัวตนของอีกฝ่ายกันชัดๆ ก็กลางทะเลเหมือนกัน มองอีกมุมหนึ่ง การเป็นแฟนกันมาเรียนดำน้ำด้วยกันนี้ก็ดีนะ มันไม่ใช่อาถรรพ์รักนักดำน้ำอะไรหรอก แค่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจริงๆ จะได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นยังไง เรารู้สึกยังไงกับเขายังไงกันแน่ พิสูจน์รักแท้กันไปเลย เพราะไม่ใช่เป็นแฟนกันแล้วมาดำน้ำด้วยกันเขาจะเลิกกันทุกคู่เสียเมื่อไร คือมีนะ แต่น้อย เพราะถ้ารักกันไม่จริง ทะเลจะสกรีนคนๆนั้นออกไปจากเราเอง ให้การดำน้ำการันตีความเป็นคู่แท้ของคู่รักกัน อยู่ที่ว่ากล้ารึเปล่าล่ะ ?
เราอาจจะปิ๊งกันบนบก แต่ให้พิสูจน์รักแท้ที่ใต้น้ำเพื่อความชัวร์ว่าคนนี้ล่ะ...ใช่ กันดีกว่า
แต่เอ๊ะ มั้นก็ไม่แน่นะ ว่าเรา หรือ ใคร จะโดนสกรีนออก
เมื่อถึงเวลากลับสู่ผิวน้ำ เมื่อเดินขึ้นจากเรือ
..เมื่อกลับเข้าสู่โลกความจริง..ที่ไม่มีทะเล
Comments