top of page

ความเข้าใจที่ผิด เกี่ยวกับตารางการฝึก O₂ & CO₂ Training Tables


หลายวันก่อนมีนักเรียนท่านหนึ่งมาเรียน Freedive เป็นครั้งแรก ทำได้ดีมากเกินคาดครับ ผมลองถามดูเห็นบอกว่าเตรียมตัวมาดีมากตั้งแต่ก่อนมาเรียนเป็นเดือน (โห นักเรียนมาทรงนี้อยากให้โล่ห์ไปเลย) ในวันเดียวกันก็มีนักเรียนอีกท่าน เป็นนักดำน้ำที่มีประสบการณ์มาก เพราะทำอาชีพเกี่ยวกับการเดินเรืออยู่แสมสาร ฝึกมาเยอะเหมือนกัน แหม่... ก็ได้ฝึกทุกวันเพราะเดินเรือดำน้ำพานักท่องเที่ยวออกทะเลเป็นอาชีพนั่นแหละ พอเรียนทฤษฏีเสร็จ ผมถามว่ารู้สึกยังไงบ้าง น้องที่เป็นกับตันเรือพูดขึ้นมาว่า

' กลัวตายขึ้นมาเยอะครับครู ’

การเรียนฟรีไดฟ์ในสมัยก่อนไม่ได้มีการเรียนการสอนเป็นเรื่องเป็นราว มีแต่สอนกันเองซะมากกว่า แม้แต่ตอนนี้บาง dive agencies ยังไม่มีตำราที่อับเดตหรือเป็นความรู้และงานวิจัยสมัยใหม่ด้วยซ้ำ ก็สอนๆเรียนๆฝึกๆกันตามที่เห็นมา อีกเหตผลคือ วิทยาศาตร์ทางการกีฬามีการพัฒนาตลอดเวลา ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นวิทยาศาสตร์ อะไรมันก็ไม่เดินอยู่กับที่ ไม่ต่างจากศาสตร์ทางด้านฟรีไดฟ์ครับ

หนึ่งในการฝึกที่ Freediver ทั้งมือใหม่ มือเก่า และมือที่ไม่เคยลองเรียนจริงๆไปฝึกกันเองคือ ตารางการใช้อ๊อกซิเจน และตารางการใช้คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ (O2 & CO2 Tables) มีให้ดูเลือกเยอะครับ ทั้งยูทู๊ป ในเน็ต แถมมีแอ๊ป ทั้งกูเกิลและแอปเปิ้ลให้ดาวโหลดฝึกอีก

ในความเห็นของผู้เขียน ไม่ผิดหรอกครับถ้าจะลอง แต่ก็ไม่ถูกถ้าคิดว่าฝึกแล้วจะเป็น Freediver ที่ดีขึ้น

ก็อย่างที่บอก ตำราเค้ามี แต่เค้าให้อ่านแล้วมาเรียนอย่างถูกต้องกับผู้สอนที่ certified เช่น Freediving Instructor จริงๆ ไม่ได้ให้ไปอ่านแล้วลองเล่นเอง แม้แต่นักกีฬาสถิติหรูหรา เค้ายังต้องมี coach นะครับ

หลักการง่ายๆใครก็ทราบ ตาราง CO2 เอาไว้ฝึกให้ลดเวลาในการฟื้นสภาพ (Recovery time) ระหว่างการกลั้นหายใจ แปลว่าฝึกให้เราทน และชินต่อ สมดุลของก๊าส CO2 ที่เพิ่มขึ้นในเลือด

ส่วนตารางราง O2 เอาไว้ฝึกให้เพิ่มระยะเวลาในการอึดหรือการกลั้นหายใจ (Breath hold) เป็นการชิน และอึดต่อผลของสมดุลของ O2 ในเลือดที่ลดลง

....

ความเข้าใจผิดของการใช้ตารางการฝึกของตาราง CO2 (hypercapnia) คือ ฝึกแล้ว ทุกคนจะสามารถลดระยะเวลาการทำ recovery breathe ได้เสมอทุกครั้ง

ถึงแม้เราจะทนต่อสมดุลที่เพิ่มขึ้นของ CO2 ได้ระหว่างการฝึก แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงคือ การลงฟรีไดฟ์ช่วงแรก (Early dives) เราลงเพื่อวอร์มอัพ ไม่ได้ลงเร็วรัวๆทันที ก็แปลว่าผลของเลือดที่มี CO2 สูงยังไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงแรก เนื่องจากเราหายใจออกเยอะกว่าหายใจเข้าในช่วงแรกของการดำน้ำ ดั้งนั้น diaphragm contraction ก็ยังไม่มาเร็ว หรือยังไม่เกิดแน่ๆใน dive แรกๆของวันนั้น

คำถามคือ ถ้าเราไม่ได้ลงดำน้ำฟรีไดฟ์ ถี่แบบนั้น

...แล้วฝึกไปทำไมเหรอครับ?

ในเมื่อผลของ CO2 ก็ยังไม่ได้มา (หรือมาน้อยมากอยู่ดี) คนที่เค้าฝึกแบบนี้ คือระดับโปร หรือพวกมืออาชีพครับ เช่นพวกครูสอนฟรีไดฟ์ที่ต้องลงเร็วมาก(ตามนักเรียนให้ทัน ไม่มีเวลามานั่งทำ recovery หรือ พวก Spear-fisher หรือชาวประมง เพราะลักษณะการลงดำน้ำไม่เหมือนกับพวก Freediver เลย (โพรไฟล์ในการลงน้ำของเค้าถี่ ยาว ลึก และลงเร็ว) ที่สำคัญ เค้าฝึกสม่าเสมอก่อนฟรีไดฟ์ครับ

อีกเรื่องคือ CO2 เป็นก๊าสนะครับ เมื่อก๊าสอยู่ในของเหลว เช่น เลือด มันจะละลายเร็วมาก (Rapid Diffuse) และเร็วกว่า O2 เมื่อละลายเร็วกว่าก็สร้างความเป็นกรดสูงกว่า (Carbonic acid) ส่งผลให้ เราอยากจะหายใจเร็ว มีความอยากอากาศเร็วกว่า (urge to breathe) ความดันเลือดสูงกว่า (higher blood pressure) และยิ่งถ้า CO2 มีสมดุลสูงมากในความลึก (depth) ก๊าสจะเคลื่อนที่จากจุดที่ความหนาแน่นสูงไปความหนาแน่นต่ำ แปลว่า CO2 ไปออกจาก Core Body Organs หรืออวัยวะสำคัญของร่างกาย ไม่ใช่ว่าดีเสมอไปนะครับ เพราะ ยิ่งเป็นการหลอนตัวเองว่าทนไหว ทั้งที่ร่างกายอาจจะทนไม่ไหวแล้ว กว่าร่างกายจะ balance ระดับของ CO2 ในเลือดให้ปรกติได้ ถ้าบนบก ใช้เวลา 4-6ชม แต่ Freediver มีเวลาทำ recovery แค่ 3-5 cycles หรือไม่กี่วินาที ผลของระดับ CO2 จึงสูงมาก ทุกคนก็ทราบอยู่แล้วว่าจะทำให้เบาๆตั้งแต่ปวดหัวแบบไม่มีสาเหต แรงไปถึงการทำลายไตได้ (Kidney Acidotic failure)

ถ้าเราดำน้ำ ฟรีไดฟ์ เพื่อการสันทนาการ (recreational)

...แล้วจะฝึกแบบนี้ไปทำไมหรือครับ?

เอาแค่พอทราบ พอรู้ ดีกว่ามั้ย..

ความเข้าใจผิดของการใช้ตารางการฝึกของตาราง O2 (hypoxia) คือ เมือเราทนสภาพ O2 ต่ำในเลือดได้ เราจะอึดขึ้น ชื่อก็บอกแล้วคือการฝึกให้ delay สภาวะของร่างกายที่จะเริ่มออกอาการ blackout เนื่องจากการหายใจมากเกินไป (over breathing) การฝึกแบบนี้ทำให้เรามีความมั่นใจมากจนถึงระดับมั่นเกินไปที่เราเรียกว่า euphoric (คือมันฟินจริงๆ) สัญญาณที่สำคัญก่อนการ blackout คือ หายใจลำบากที่ผิวน้ำ และสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว (Loss of Motor Control)

Freediver ที่เลือกฝึกตารางนี้คือพวกที่ต้องการหยุดช่วงการหายใจ recovery ให้เท่าเดิม แต่ขออึดเพิ่มมากขึ้น (Extending Breath hold) เราทราบกันดีว่าการทำ recovery คือ การเอา CO2 ออกเร็ว และการเรียก O2 กลับมาในระบบให้เร็วที่สุด การฝึกแบบนี้ทำให้ร่างกายสะสม CO2 มากขึ้นเรื่อยๆ ลด O2 ลงในระบบของร่างกาย

ตามธรรมชาติ O2 จะไหลเข้าไปในเลือด ส่วน CO2 จะไหลเข้าไปในปอดครับ เมื่อเรามีระดับของ O2 ต่ำลงเพราะ CO2 สูงขึ้นแล้วไปกดสมดุลของ O2 ไว้ จะเกิดภาวะ Hypoxemia หรือ ภาวะขาดออกซิเจนในเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นภาวะแรกก่อน hypoxia หรือ การขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง

ลองคิดเล่นๆดู การทำ recovery สำคัญมากใครๆก็ทราบ แต่แน่นอน การฝึกแบบนี้ให้ทำ recovery ได้เท่าเดิม แต่ไปกด O2 ลงผ่านการเพิ่ม CO2 กดแปลว่า flow ของร่างกายก็เพี้ยนไป เพราะ CO2 ไหลเข้าปอดมากขึ้น แต่ O2 ไม่ได้เพิ่มขึ้นเพราะ 1. ที่ความลึก ก๊าสในร่างกายเคลื่อนไหวได้ช้าอยู่แล้ว จะไปเรียก gas diffusion ( หรือ O2 จากปอด ออกมาได้ยังไง) 2. เซลล์เม็ดเลือดแดงมี O2 ต่ำลงเพราะเราใช้ไป แต่ไม่มีอะไรมาเติมจากเหตผลข้อ 1

อีกเรื่องคือ.. ถ้าเราไมได้บังคับให้ CO2 ต้องอยู่ในตัวเรานานๆแบบพวกลงลึกๆ หรือ ถี่ๆ แต่ไปลด O2 ลงเรื่อย ทั้งๆที่สรีระของร่างกายเราต้องการ O2 เร็วกว่าการทน CO2 ได้ (อย่างเช่น นักกีฬาที่ต้องการ O2 intake สูง) แปลง่ายๆ ถ้าร่างกาย หรือโพรไฟล์ของเราถนัดการใช้ O2 ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าการทนการเกิดของ CO2 (Tolerance) ...

คำถามเหมือนเดิม คือ ถ้าเราดำน้ำ ฟรีไดฟ์ เพื่อการสันทนาการ (recreational) ร่างกายเราไม่ใช่ปรับตัวบ่อยๆแบบพร้อมจะเป็นนักกีฬาฟรีไดฟ์

..แล้วจะฝึกแบบนี้ไปทำไมหรือครับ?

เอาแค่พอทราบ พอรู้ ดีกว่ามั้ย..

....

ยังมีเรื่องเล่าอีกเยอะเกี่ยวกับก๊าสต่างๆ และผลของร่างกายที่จะเกิดขึ้นในสภาวะกับรูปแบบการฟรีไดฟ์ที่ต่างกัน...

การดำน้ำแบบ SCUBA ร่างกายหายใจเข้าไปได้ปรกติ การดำน้ำแบบนี้ปล่อยให้เครื่องมือ อุปกรณ์ ทำงานให้เรา ร่างกายเราจะมีกระทบบ้างก็เรื่องก๊าสที่เป็นพิษได้ในความลึกต่างๆ

การดำน้ำแบบ Freedive ร่างกายไม่ได้หายใจปรกตินะครับ การดำน้ำแบบนี้เป็นการปล่อยให้ระบบของร่างกายหลายส่วนที่เราควบคุมไม่ได้ 'จำเป็นต้องทำงาน' เอง

การดำน้ำแบบนี้ ทิ้งให้เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับ

ความนิ่ง เงียบ เฉียด ตาย

..ล้อเล่นกับเส้นบางๆแบบนี้ตลอดเวลา

...

ข้อดีของการฟรีไดฟ์.. แน่นอน อิสระ เสรี เหนืออื่นใด

แต่เป็นความอิสระ ที่ต้องแลกมาด้วยความรู้

..และการฝึกที่ถูกต้องกับความรู้นั้นๆ

ตาราง.. ใครๆก็่อ่านได้

แต่อ่านแล้วต้องทราบถึง implications ของการใช้งาน พร้อมผลที่จะตามมา

ก็น่าจะดีนะครับ

:)

PADI Freediver Adaptive Technique Specialist Instructor

about him

A non-political traveler, a long-standing certified dive instructor, a pilot-in -training, an underwater photographer and most importantly a man who is still learning with himself on his own pace with growing number of deep sea interests.

bottom of page